เรดิสันบลูฯกรุงเทพปรับทัพ ย้ำโรงแรมพรีเมี่ยมกลางกรุง
“เรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ” โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใจกลางสุขุมวิท ปรับทัพ ดึง “บียอนด์ เฮนนิง บุธ” เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาดโรงแรมพรีเมี่ยม พร้อมรองรับดีมานด์นักเดินทางต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจน หวังชิงตลาดนักท่องเที่ยวพรีเมี่ยมกลุ่มตลาดอินเดีย เอเชียใต้ นักท่องเที่ยวเดินทางซ้ำภายในประเทศ
นายบียอนด์ เฮนนิง บุธ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงปี 2024-2025 สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะจากตลาดนักท่องเที่ยวในเอเชียใต้ อาทิ อินเดีย ซึ่งกลายเป็น “ตลาดหลักใหม่” ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ตามด้วยนักเดินทางจากจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ขณะที่กลุ่มยุโรปตะวันตกและจีนยังกลับมาไม่เต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ แนวโน้มการท่องเที่ยวโลกในยุคหลังโควิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่พฤติกรรมการใช้จ่าย ความคาดหวังเรื่องประสบการณ์ที่พัก และความยืดหยุ่นในการจอง ซึ่งทำให้โรงแรมจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
“การท่องเที่ยวในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการพักผ่อน แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์และคุณค่า นักท่องเที่ยวต้องการโรงแรมที่เข้าใจความต้องการเฉพาะตัว และพร้อมตอบสนองอย่างมีคุณภาพและความยืดหยุ่นสูง”
Radisson Blue
โดยล่าสุด เรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ ได้แต่งตั้ง “บียอนด์ เฮนนิง บุธ” (Bjorn Henning Buth) เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ (General Manager) ถือเป็นหมุดหมายเชิงกลยุทธ์ของเครือ Radisson Hotel Group ในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของโรงแรมในเครือในประเทศไทย ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 และพร้อมเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนมาตรฐานใหม่ของโรงแรมระดับโลกในกรุงเทพฯ
Radisson Blue
เมื่อรวมกับจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งใจกลางย่านอโศก-สุขุมวิท ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ ใกล้ระบบขนส่งมวลชน (BTS และ MRT) โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ตอบโจทย์ทั้งนักเดินทางเพื่อธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน โดยมีจำนวนห้องพักรวม 290 ห้อง พร้อมห้องประชุมและอีเวนต์มากกว่า 1,500 ตร.ม. รองรับทั้งตลาด MICE และงานองค์กร
นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารระดับพรีเมี่ยม เช่น Attico (อิตาเลียน), China Table (จีนร่วมสมัย), Twenty-Seven Bites (บุฟเฟต์นานาชาติ) และ Brewski (รูฟท็อปบาร์คราฟต์เบียร์ชื่อดัง) ซึ่งดึงดูดไม่เพียงแต่แขกในโรงแรม แต่ยังครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวรายวันอีกด้วย เพื่อสร้างประสบการณ์ในด้านที่พักและไลฟ์สไตล์
Radisson Blue
ขณะเดียวกัน โรงแรมยังมุ่งเน้นการออกแบบแพ็กเกจเฉพาะกลุ่ม เช่น Staycation แบบครบวงจร สำหรับกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ โดยรวมการเข้าพักเข้ากับบริการอาหาร สปา หรือกิจกรรมใกล้เมือง เพื่อเสริมรายได้และใช้ศักยภาพการให้บริการในช่วงวันหยุดสั้น
Radisson Blue
โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เรดิสันใช้ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของดีมานด์ในปัจจุบัน คือ การใช้เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก โดยเฉพาะกับกลุ่ม Jin Jiang International เครือโรงแรมรายใหญ่ของจีน ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงกลุ่มนักเดินทางจีน ผ่านระบบสมาชิกสะสมแต้ม (Loyalty Program) และช่องทางจองที่เป็นมิตรกับลูกค้าจีนโดยเฉพาะ
ขณะที่การลงทุนในคอนเทนต์ภาษาท้องถิ่น และโซลูชั่นดิจิทัล ช่วยให้โรงแรมสามารถทำตลาดเชิงรุกกับลูกค้าระดับพรีเมี่ยมทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เช่น การเสนอข้อเสนอเฉพาะบุคคล (Personalized Offers), ระบบ Dynamic Pricing และโปรแกรม CRM ที่พัฒนาขึ้นในเครือ Radisson
Radisson Blue
“การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ใช่แค่เรื่องปริมาณ แต่เป็นเรื่องของคุณภาพและความภักดี เราจึงเน้นการสร้างประสบการณ์ที่แขกจะจดจำ และเลือกกลับมาใช้บริการซ้ำ ไม่ว่าจะมาจากตลาดใดก็ตาม”
นายบียอนด์กล่าวด้วยว่า ในภาพรวมอุตสาหกรรมโรงแรมของไทยผู้ประกอบการยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากการฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง และมีความผันผวนสูงในบางกลุ่มตลาด การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่เรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ เลือกใช้ โดยการเพิ่มน้ำหนักให้กับตลาดเกิดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และนักเดินทางเพื่อธุรกิจระยะสั้น
รวมถึงการมุ่งเน้นไปยังตลาดในประเทศที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการ “ประสบการณ์ระดับโลก” โดยไม่ต้องเดินทางไกล กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยผลักดันการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะกลางและยาว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่