การเดินทางของ ‘ทริชเชีย ชนาภา’ นักรีโนเวตแมวจอห์น(จร) ที่เป็นดั่งโชคของชีวิต
ทุกคนมีเรื่อง “ฮีลใจ” ต่างกัน บ้างก็เป็นศิลปินคนโปรด บ้างก็เป็นเมนูอาหารโปรด หรือบางคนเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรด เช่น “แมว” ที่นอกจากจะฮีลใจแล้ว ยังเป็นเหมือน “เพื่อนซี้” ที่อยู่ในทุกโมเมนต์ทั้งสุขและทุกข์ของเหล่าทาส ที่ก่อนหน้านี้มีประโยคไวรัลที่ถูกนำมารีรันซ้ำๆ ควบคู่ไปกับมีมแมวฮาๆ ว่า “แมวมีแผนจะยึดครองโลก” ซึ่งก็คงจริงดังว่า เพราะในทุกตรอกซอกซอย ทุกย่างก้าวที่เดิน มักจะพบแมวหนึ่งตัวเสมอ ที่ว่าครองโลกคงไม่ใช่แค่ความน่ารักที่กุมหัวใจเหล่าทาสเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง “จำนวน” ที่แผ่ขยายประชากรมากขึ้นทุกวัน จากปัญหา “แมวจรจัด” ในประเทศไทย
จริงอยู่ว่าปัญหาแมวจรจัดไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ภายในชั่วข้ามคืน รวมถึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่เราๆ มนุษย์โลกที่สามารถมอบ “ชีวิตใหม่” ให้กับเหล่าแมวๆ ไร้บ้าน แต่ “ไม่ไร้หัวใจ” เช่นเดียวกับสาวน้อย TIKTOKER วัย 23 ปี “ทริชเชีย ชนาภา ศิริโพธิ์” เจ้าของช่อง “ทริชเชียพี่มีโชค” นักรีโนเวตแมว สมญานามที่เธอมอบให้ตัวเองหลังมีแมวในสังกัดถึง 4 ตัว
แน่นอนว่าเหล่าทาสแมวต้องเคยเห็นคอนเทนต์ของเธอกับน้องแมวตัวโปรดผ่านไทม์ไลน์มาบ้าง ภาพของแมวส้มนั่งนิ่งๆ หน้ากระจกห้องน้ำที่ถูกทาสสาวบุคลิกแก่นเซี้ยว กระเซ้าเย้าแหย่เสมอ ซึ่งวิถีชีวิตแสนธรรมดาที่ดำเนินไปอย่างธรรมชาตินี้เอง กลับดึงดูดความสนใจจากเหล่าทาสทุกสารทิศ ทั้งไทยและต่างชาติ ที่ต่างหลงใหลในความน่ารักของ “พี่มีโชค” อดีตแมวไร้บ้านที่เกาะกุมหัวใจผู้ชม จนคนกระหน่ำคอมเมนต์ถามใต้คลิปไม่หยุดหย่อนว่า “น้องพันธุ์อะไร”
ซึ่งเธอก็มักจะตอบกลับไปเสมอว่า “น้องเป็นแมวพันธุ์จอห์นจัส (จรจัด)” หลังจากนั้นใครจะคาดคิดว่ากระแสแมวจอห์นจัสที่มาจากการแซวเล่นๆ จะสร้างไวรัลไปทั่วโซเชียล ทำเอาคนเสิร์ชหากันยกใหญ่ว่าจอห์นจัสที่ว่ามันพันธุ์อะไรกัน เพราะอยากจะเลี้ยงบ้าง ซึ่งนั่นทำให้ทริชเชีย “ภูมิใจ” ในผลงาน “การรีโนเวตแมว” ของเธอที่ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น
“เราอยากให้คนเห็นว่ามีโชคสามารถทำได้หลายอย่าง สิ่งสำคัญคืออยากให้คนหันมาเลี้ยงแมวจรจัด” ทริชเชียบอกด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนจะพาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในวันที่เจอมีโชคครั้งแรก ซึ่งเธอเปิดเผยว่าในอดีต “เธอไม่ชอบแมว”
แต่จากความรู้สึกไม่ชอบมาสู่ “นักรีโนเวตแมว” ในปัจจุบันได้อย่างไรนั้น เธอเล่าว่า เดิมทีครอบครัวของเธอให้อาหารแมวจรจัดเป็นกิจวัตร และมีโชคก็เป็นหนึ่งในแมวกลุ่มนั้นที่เทียวมากินข้าวบ้านเธอเป็นประจำ ซึ่งมีโชคเป็นแมวเพียงตัวเดียว ณ ตอนนั้นที่สะดุดตา ด้วยท่าทางสุภาพที่ผิดแผกไปจากแมวตัวอื่นๆ และความสงบเสงี่ยม เจียมตัว ที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากแมวไร้บ้าน ทั้งหมดค่อยๆ ละลายความรู้สึก “ไม่ชอบ” ของเธอให้จางลงแล้วแทนที่ด้วยความรัก ความผูกพันที่กำลังก่อตัวขึ้น
จนมาถึงวินาทีที่ตัดสินใจเลี้ยง เธอเล่าว่าวันนั้น เป็นวันธรรมดาที่มีโชคมากินข้าวที่บ้านเหมือนอย่างเคย แต่สิ่งที่แปลกไปและสร้างความสะเทือนใจให้กับเธอและแม่ คือมีโชคปรากฏตัวในสภาพอิดโรย ขากะเผลก พร้อมแผลฉกรรจ์ตามเนื้อตัวที่มีมากกว่าทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัว หรือไว้ใจก็ตามแต่ ที่มีโชคยอมให้เธอ “สัมผัสตัว” เป็นครั้งแรก
ซึ่งความอ่อนโยนที่เธอได้รับจากมีโชคในวันนั้น เปลี่ยนความคิดด้านลบที่เคยมีต่อแมวในชั่วพริบตา แต่ถึงอย่างนั้นการตัดสินใจที่จะเลี้ยงยังมีอุปสรรคขวางอยู่หลายประการ โดยเฉพาะเรื่องสถานะทางการเงินของที่บ้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ครอบครัวของเธอต้องแบกรับ แต่มีโชคก็แสดงความประสงค์อย่างแรงกล้าว่า “อยากอยู่บ้านหลังนี้” จนเธอเลือกที่จะมองข้ามข้อจำกัดเรื่องการเงิน และขอดูแลแมวไร้บ้านตัวนี้อย่างสุดความสามารถ
“เขาทำให้เห็นว่าเขาอยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขามาหาที่บ้านทุกวัน ในสภาพที่โดนกัดมาทุกวัน หลังจากที่เริ่มรู้จักเขา เวลาเราได้ยินเสียงแมวกัดกัน จากที่ไม่เคยสนใจว่าเป็นแมวใคร เราจะคิดว่าเป็นเขา ซึ่งพอออกไปดูก็เห็นว่าเป็นมีโชคจริงๆ เราเลยตัดสินใจว่าวันนี้แหละ เราจะเลี้ยงเขา”
เธอยอมรับว่าแรกๆ ยังเก้ๆ กังๆ เพราะความรู้ในการเลี้ยงแมวเป็นศูนย์ การรับเลี้ยงมีโชคจึงนับว่าเป็น “อะไรใหม่ๆ” สำหรับครอบครัวเธอ
ซึ่งก่อนเลี้ยงก็มีการเตรียมตัวหลายอย่าง ปรึกษาผู้คร่ำหวอดมากมาย โดยออกคำเตือนให้ระวังของในบ้านกระจัดกระจายบ้างล่ะ โซฟาจะพังบ้างล่ะ หรือถ่ายเรี่ยราดตามพรมบ้างล่ะ แต่โชคดีที่เรื่องเหล่านี้ “ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” ตั้งแต่วันแรกที่มีโชคก้าวเข้ามาในบ้าน
ซึ่งทริชเชียก็ว่า “มีโชคเป็นแมวที่เจียมเนื้อเจียมตัวมาก เขาจะอยู่ตามซอก ไม่เคยเข้าห้องน้ำในบ้าน หรือขึ้นไปชั้น 2 ของบ้านเลย”
มากไปกว่านั้น มีโชคก็ทำตัวสมกับชื่อมีโชคจริงๆ ซึ่งเธอเล่าที่มาของชื่อมงคลนี้ให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชื่อมีโชค แต่เป็นเต้าหู้ กาฟิลด์ ตามประสาชื่อของแมวส้มทั่วๆ ไป แต่หลังจากที่เลี้ยงได้ไม่นาน มีคนแนะนำว่า “ถ้าตั้งชื่อแมว ต้องตั้งชื่อมงคล” โดยมีแคนดิเดตชื่อมงคลมากมาย จนหวยมาลงที่ “นำโชค” เพื่อที่จะนำโชค นำลาภเข้าบ้าน แล้วถ้าอย่างนั้น ชื่อมีโชคได้แต่ใดมา?
ซึ่งเธอเล่าว่า (เนื้อหาต่อไปนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) “วันหนึ่ง แม่นอนอยู่บนโซฟา โดยปกติแล้วมีโชคไม่เคยกระโดดขึ้นมานอนบนตัวเลย แต่วันนั้นจู่ๆ ก็กระโดดขึ้นมาทับตัวแม่ แล้วเอามือมาแตะที่หน้าอก ด้วยความที่เขาตัวหนักมาก แม่ก็ตกใจ แล้วเอามือมาจับที่หน้าอก ปรากฏว่าแม่คลึงไปเจอก้อนเนื้อ ก็เลยไปพบแพทย์และผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกไป” หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น นำโชคก็ถูกเปลี่ยนเป็น “มีโชค” จนถึงทุกวันนี้ เพราะเขามีความ “โชคดี” อยู่ในตัว
“ตั้งแต่ที่บ้านมีเขา เรื่องดีๆ ก็เข้ามา ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญแต่เราคิดว่าเพราะเขานี่แหละ ที่ทำให้หลายๆ อย่างในบ้านมันดีขึ้น” แววตาของเธอเป็นประกายขณะที่พูดถึงแมวตัวโปรดที่เป็นดั่งความโชคดีสำหรับครอบครัวเธอ แม้จะเป็นครั้งแรกในการเลี้ยงแมว แต่เป็นเพราะความโชคดีนี้เอง ที่มีโชคเลี้ยงง่าย และเป็นเด็กดี ถึงขั้นที่คุณแม่ของเธอพนันกับแก๊งเพื่อนที่มาเยี่ยมบ้านว่า “ถ้าถูกมีโชคกัด หรือทำร้าย จะให้ 500 เลย”
จนมาถึง ตัวที่สอง สาม สี่… จาก “มีโชค” มาสู่ “มั่งมี มีแฮง และมีเงิน” แมวในสังกัดที่เคยไร้บ้าน ที่เธอเทียวไล้เทียวขื่อจีบมาอย่างตรากตรำ มาถึงตรงนี้ ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าไทป์ในการเลือกแมวอยู่ที่ตรงไหน
“เชียจะเลือกแต่แมวธุดงค์ค่ะ (หัวเราะ) เราไม่ได้ไปเอาเขามา แต่เขาเดินมาหาเราเอง มาขอข้าวกิน มันแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเราจะไม่ให้ที่อยู่เขาก็ไม่ได้ มีที่ไหมค่อยว่ากัน ช่วยเลี้ยงและรักษาไปก่อน”
ซึ่งเธอบอกกับเราว่า นอกจากจะวุ่นอยู่กับการรีโนเวตแมวในสังกัดแล้ว เธอยังสเกาต์สมาชิกใหม่เข้าบ้านโดยตั้งชื่อให้พร้อมสรรพ เข้าธีมว่า “น้องมีบุญ” ครอบครัวตระกูล “มี” ตัวที่ 5 แน่นอนว่าแมวมีบุญตัวนี้ ยังคงเป็น “จอห์นจัส” ที่เธออยากได้
“เราเลือกแมวที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเขาได้ และอยากให้แมวที่หาบ้านแต่ละตัวมีบ้านที่เป็นบ้านแรก ในส่วนของบ้านเราก็จะแบ่งความรักให้เท่าๆ กัน”
ซึ่งก็เป็นความโชคดีอีกแล้ว ที่มีโชคที่กลายเป็นพี่คนโตของตระกูลมีนั้นใจดี ไม่แสดงท่าทีก้าวร้าวกับน้องๆ ให้พี่สาวอย่างเธอต้องลำบากใจ แม้แต่ละตัวจะมีความแตกต่าง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ
“เขาทำให้เราเห็นว่า เขารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นว่าเป็นยังไง แรกๆ อาจจะมีกลัว มีดุบ้าง แต่พอเลี้ยงไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าเราเป็นครอบครัว และเรารักเขา จากที่ดุๆ ก็กลายเป็นน่ารัก” เธอพูดในขณะที่ก้มลงไปหอมแมวตัวโปรดฟอดใหญ่ พร้อมกับเสียง “เมี้ยว” ที่ตอบรับการกระทำนั้น
ในส่วนของช่อง TIKTOK “ทริชเชียพี่มีโชค” ผลงานเดบิวต์ของเธอและพี่มีโชค ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านฟอลโลเวอร์ ที่เธอใช้เวลาเคี่ยวกรำมากว่า 1 ปี ผลิตคอนเทนต์ฮีลใจมากมาย จนมารู้ตัวอีกทีพี่มีโชคก็ไวรัลไปทั่วโซเชียลแล้ว เธอเล่าที่มาที่ไปของช่องนี้ว่า แรกเริ่มเธอทำช่องเกี่ยวกับชีวิตรูทีนของนักศึกษาสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ทำเล่นๆ กับเพื่อน โดยที่ไม่ได้คาดคิดว่าวันหนึ่ง “มันจะปัง”
ภาพประกอบข่าว
จนเริ่มมียอดผู้ชม 1 ล้าน ณ ตอนนั้น เธอคิดอย่างเดียวว่า “มันได้อีก” จึงเริ่มมีคอนเทนต์กับมีโชคบ้าง สลับกับคอนเทนต์เรื่องเรียนเนื้อหาแน่นปึ้ก แต่นานวันเข้า คนเริ่มสนใจมีโชคมากกว่า คอนเทนต์สถาปัตย์จึงเป็นอันต้องเซย์กู๊ดบาย และเปลี่ยนมามุ่งมั่นกับคอนเทนต์ของมีโชค โดยจุดประกายไอเดียที่ว่า “ถ้าอย่างนั้น ลองทำคอนเทนต์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันดีกว่า” ซึ่งปรากฏว่าได้ผล ภาพแมวส้มหน้านิ่งที่ถูกเจ้าของจับแปรงฟัน ล้างหน้า พร้อมกับเสียงเมี้ยวที่ดังเป็นระยะ เป็นจุดกำเนิดคลิปไวรัลกว่า 31 ล้านวิว
“ในคืนเดียวยอดวิวขึ้นมาประมาณ 1 ล้าน และก็เริ่มมีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาคงที่ที่ 20 ล้านวิวภายใน 2-3 เดือน จากนั้นเราก็ทำคอนเทนต์ออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้คนเห็นว่าแมวจรจัดอย่างมีโชคก็น่ารัก และสามารถทำอะไรได้หลากหลาย หลังจากนั้นแหละ คนก็จะเริ่มสนใจและหันมาเลี้ยงแมวจร”
ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่หลงใหลในความน่ารักของมัจจุราชสีส้มตัวนี้ แต่ยังรวมไปถึงแฟนๆ ชาวต่างชาติที่เข้ามากดหัวใจ และคอมเมนต์กันอย่างล้นหลาม ไม่เว้นแม้แต่ “แซม สมิธ (Sam Smith)” ศิลปินชื่อดังขวัญใจแฟนๆ ทั่วโลก ที่เข้ามาคอมเมนต์ใต้คลิปที่เธอและมีโชคเต้นเพลงของเขา ซึ่งนั่นเป็นอีกเรื่องราวดีๆ ในชีวิตนักรีโนเวตแมวอย่างเธอที่ทำให้ชาวโลกรับรู้ถึงความน่ารักของแมวจรจัด
“ถ้าไม่มีมีโชค เราก็คงไม่เลี้ยงแมว อยากให้คนหันมาเลี้ยงน้องแมวจร เพราะว่ามีหลายร้อยชีวิต หลายพันชีวิตที่เขารอที่จะมีบ้านอันอบอุ่น การรับเลี้ยง 1 ตัว มันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจ และลึกซึ้งมากกว่า ซื้อแมวก็แค่เปลี่ยนบ้าน แต่การรับมาเลี้ยงมันเปลี่ยนโลกทั้งใบของเขาเลย ไม่ได้หมายความว่าซื้อแมวไม่ลึกซึ้งนะ แต่อยากให้เปิดใจมารับเลี้ยงมากกว่าเดิม” นั่นคือทั้งหมดที่เธออยากจะขอ
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เป็นระยะเวลา 7 ปี ที่มีโชคเข้ามาเติมเต็มความสุข และเติมเต็มคำว่า “บ้าน” ให้ครอบครัวเธอสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทุกโมเมนต์ที่เกิดขึ้น มีโชคจะอยู่ในนั้นเสมอ “แค่มีมีโชค ก็เป็นบ้านได้แล้ว อยากกลับบ้านเพื่อพักใจ เขาทำให้คนที่บ้านรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขาในทุกโอกาส ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์”
ลองให้โอกาสตัวเองได้ “ถูกรัก” จากแมวไร้บ้านสักตัว อาจจะค้นพบความโชคดีในชีวิต เช่นเดียวกับทริชเชีย และครอบครัวที่เจอความโชคดีนั้นแล้ว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่