หมอแอมป์ เปิดวิสัยทัศน์สู่การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Wellness ของโลก
ความรู้ด้านสุขภาพพร้อมเนื้อหาน่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญอย่าง นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ หมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และเวชศาสตร์วิถีชีวิต เผยถึงมุมมองต่อการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน Wellness ของโลก ได้อย่างน่าสนใจไว้ในเพจ DrAmp Team
วิสัยทัศน์การเป็น "Wellness Destination of the World" หรือ "Wellness Hub Thailand" ถูกนำเสนอว่าเป็น "ทางรอด" และ "โอกาสรอด" ของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่เพียงการขายการท่องเที่ยวพักผ่อน แต่เป็นการ "ซื้อชีวิต ยืดอายุ" ให้กับผู้คน และ "ขายสุขภาพดี" ให้ทั้งโลกมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
ในยุคที่ทั่วโลกเผชิญปัญหาโรคเรื้อรัง ความชรา และสุขภาพจิตถดถอย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism นี้ได้แสดงศักยภาพแล้ว โดยไทยเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการเติบโตของเศรษฐกิจสุขภาพ และอันดับ 2 ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ หมอแอมป์ (ภาพจากเพจ DrAmp Team)
นี่คือ "เศรษฐกิจสุขภาพ" หรือ "Wellness Economy" ซึ่งเป็นกำลังใหม่ของชาติ และเป็นภารกิจของทุกคนใน Team Thailand ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยมี "Soft Power สุขภาพจากชุมชน" ที่เป็นรากฐานสำคัญ สุขภาพดีไม่ได้เริ่มจากโรงพยาบาล แต่มีอยู่ในวิถีชีวิตของประชาชนในทุกชุมชน ที่เป็นหลักฐานว่า Wellness ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เป็นวัฒนธรรมที่ฝังใน DNA ของชาติ
ชุมชนไทยมีศักยภาพและถือเป็นต้นแบบของโลกด้าน Wellness ครบถ้วนใน 6 มิติ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว มิติเหล่านี้ประกอบด้วย
- Better Health : อายุยืนพึ่งยาน้อย
- Better Nutrition : กินเพื่ออยู่ เน้นผักพื้นบ้าน สมุนไพร ไร้น้ำตาล
- Better Fitness : เคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันคือการออกกำลังกายตามธรรมชาติ
- Better Sleep : นอนหลับตามธรรมชาติ ห่างแสงสีฟ้า
- Better Appearance : ความงามจากภายใน สุขภาพดีจากธรรมชาติ
- Better Mindfulness : มีสติในชีวิตประจำวันผ่านวิถีชุมชน
วิถีเหล่านี้คือสิ่งที่โลกยุคใหม่ที่เหนื่อยล้าโหยหา ทำให้ไทยเป็นมากกว่า Wellness Destination แต่เป็น Wellness Inspiration ของคนทั้งโลก

ภาพจาก iStock
นอกจากรากฐานจากชุมชนและภูมิปัญญา ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลาง Wellness ระดับโลก ด้วยจุดแข็งที่โลกไม่มี หัวใจคือ Scientific Wellness ที่ผสานการแพทย์เชิงป้องกัน เทคโนโลยีขั้นสูง และการวางแผนสุขภาพรายบุคคล ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ยีน อายุชีวภาพ ดูแลสมอง จิตใจ ฮอร์โมน เสริมภูมิคุ้มกัน ไทยมีศักยภาพในการยกระดับอาหารสุขภาพ เป็น "Whole Food Plant-Based Paradise"
- ใช้สมุนไพรไทยเป็นส่วนผสมฟังก์ชั่น (Functional Ingredients)
- ยกระดับนวดแผนไทย สู่ Thai Massage 4.0 ที่ผสานกายภาพบำบัดและเทคโนโลยี
- การเป็นศูนย์รวมความสุขทางจิตใจ (Mental Wellness Sanctuary) ด้วยวัดวาอาราม ธรรมชาติ และแพทย์บูรณาการ (Integrative)
- รวมถึงการพัฒนา Sleep Tourism ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูการนอนหลับ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ทำร้ายชีวิตและเป็นอุปสรรคต่อการเป็น Wellness Destination ของไทยคือ มลภาวะทางอากาศ (ฝุ่น PM2.5) และน้ำเสีย เรียกได้ว่าเป็นโรคเรื้อรังระดับชาติ ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตจำนวนมาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง อีกทั้งยังทำให้นักท่องเที่ยวสายสุขภาพ "ยกเลิกแผน" การเดินทางมาไทย

ภาพจาก iStock
เนื่องจากน้ำที่ไม่สะอาดก็เป็นจุดเริ่มต้นของโรคภัยไข้เจ็บ และปนเปื้อนสารเคมีในอาหาร เพราะสุขภาพดีไม่สามารถเกิดได้ในพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศและน้ำที่ไม่ดี การจะเป็น Wellness Destination ที่แท้จริง ต้องยกระดับจาก Clean Hotel สู่ Clean City โดยมี Sustainable Air และน้ำสะอาด เป็นเส้นเลือดใหญ่ การก้าวข้ามอุปสรรคและบรรลุวิสัยทัศน์นี้ ต้องอาศัยแผนงานระดับชาติ และพลังสามัคคีของทุกคน ในรูปแบบ Team Thailand
หมอแอมป์ ได้นำเสนอ 3 แผนใหญ่เพื่อสร้าง Wellness City ให้กับประเทศไทย ได้แก่
- ปรับนโยบาย : ยกระดับ PM2.5 เป็นภัยพิบัติ, ส่งเสริม Green Transport, ห้ามเผา
- ปลุกพลังชุมชน : สร้างตำบลปลอดฝุ่น, รณรงค์เลิกเผา, เพิ่มพื้นที่สีเขียวและแหล่งน้ำ
- ปรับธุรกิจ Wellness : ลงทุนระบบฟอกอากาศและน้ำ, ผสานโปรแกรม Breath Detox
นอกจากนี้ ธุรกิจทุกภาคส่วนตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหาร สปา วัด ชุมชน จนถึงธุรกิจออกกำลังกาย ต้องร่วมกันปรับตัวและนำเสนอคุณค่าด้านสุขภาพ วิสัยทัศน์คือการมีเมืองที่ผู้คนหายใจได้อย่างมั่นใจด้วย อากาศดี + น้ำดี + คนดี เพื่อให้เกิด "Green + Clean + Calm = Wellness Thailand 5.0"

ภาพจาก iStock
“การมีอากาศดีจะกลายเป็น Soft Power ที่ทำให้คนอยากอยู่ และอยากมา ย้ำว่าสุขภาพดีไม่ได้เริ่มจากยา แต่มาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี และการฟื้นฟูร่างกายต้องเริ่มจากการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม”