ทำไมผู้หญิงไทยป่วยมะเร็งปอดมากขึ้น PM 2.5 มีส่วนจริงไหม ป้องกันอย่างไรดี

ตั้งแต่ที่ เอ๋ พรทิพย์ ดาราสาวชื่อดัง เผยว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะที่ 1 โดยแพทย์ของเธอให้ความเห็นว่ามลภาวะจาก PM 2.5 มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงเอเชีย จึงทำให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น

ทำไมผู้หญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปอดมากขึ้น

แพทย์หญิงจอมธนา ศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เผยกับไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ว่า เป็นเรื่องจริงที่ปัจจุบันเราพบผู้หญิงไทยป่วยมะเร็งปอดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มที่คล้ายกับในหลายประเทศเอเชีย

“กลุ่มนี้มักตรวจพบว่าเป็น “มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (non-small cell)” ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยแวดล้อมและพันธุกรรม มากกว่าการสูบบุหรี่โดยตรง อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยมะเร็งปอดในอดีตจะอยู่ที่ 60 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันเริ่มพบในช่วงอายุ 40–50 ปีมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นระยะเวลานาน”

ทำไมผู้หญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปอดมากขึ้น, สาเหตุมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากอะไร, วิธีป้องกันตัวเองจาก PM 2.5, อาการมะเร็งปอดระยะแรก มีสัญญาณเตือนอย่างไร, มะเร็งปอดในระยะแรกรักษาได้ไหม

แพทย์หญิงจอมธนา ศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

สาเหตุมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากอะไร

สาเหตุหลักของมะเร็งปอดยังคงเป็นการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสอง แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย โดยเฉพาะผู้หญิงพบว่าสาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับสารพิษในอากาศ เช่น

  • PM 2.5
  • ควันจากการประกอบอาหารในพื้นที่ปิด
  • ควันธูปในบ้าน

“นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางพันธุกรรมที่สำคัญ เช่น การกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ป่วยชาวเอเชีย สิ่งเหล่านี้ทำให้แม้ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ ก็ยังมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ โดยเฉพาะถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูงเป็นเวลานาน”

วิธีป้องกันตัวเองจาก PM 2.5

เนื่องจาก PM 2.5 เป็นอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ถุงลมปอด และสร้างความเสียหายระดับเซลล์ได้ในระยะยาว วิธีลดความเสี่ยงคือ

  • ตรวจเช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้าน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง
  • สวมหน้ากากอนามัย N95 หรือ KN95 ซึ่งสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน โดยเฉพาะในห้องนอนหรือพื้นที่ที่ใช้เวลานาน
  • ปิดหน้าต่าง-ประตูในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง เพื่อป้องกันฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาภายใน
ทำไมผู้หญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปอดมากขึ้น, สาเหตุมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากอะไร, วิธีป้องกันตัวเองจาก PM 2.5, อาการมะเร็งปอดระยะแรก มีสัญญาณเตือนอย่างไร, มะเร็งปอดในระยะแรกรักษาได้ไหม

ภาพจาก iStock

แม้ไม่สามารถหลีกเลี่ยง PM 2.5 ได้ทั้งหมด แต่การป้องกันแบบเชิงรุกเหล่านี้สามารถลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ รวมถึงมะเร็งปอดได้ในระยะยาว

อาการมะเร็งปอดระยะแรก มีสัญญาณเตือนอย่างไร

มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามแล้ว แต่อาการเบื้องต้นที่ควรสังเกต ได้แก่

  • ไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ไอมีเลือดปน แม้เพียงเล็กน้อย
  • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือแน่นหน้าอก
  • เสียงเปลี่ยน แหบ โดยไม่มีสาเหตุจากหวัด
  • น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจหรือไม่มีสาเหตุชัดเจน

หากมีอาการเหล่านี้ ต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญในการเพิ่มโอกาสหายขาดจากโรคนี้

มะเร็งปอดในระยะแรกรักษาได้ไหม

มะเร็งปอดระยะแรกมีโอกาสหายขาดได้ค่อนข้างสูง หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยการรักษาหลักคือ การผ่าตัดนำก้อนมะเร็งออก ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยเทคนิคส่องกล้อง (VATS) ที่มีแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ในบางกรณีอาจพิจารณาร่วมกับการให้เคมีบำบัดหรือฉายรังสีเพื่อป้องกันการกลับมาใหม่ของโรค

หากผู้ป่วยมีข้อจำกัดในการผ่าตัด เช่น อายุมากหรือมีโรคประจำตัวรุนแรง ปัจจุบันก็มีทางเลือกการฉายรังสีแบบเฉพาะจุดความแม่นยำสูง (SBRT) ที่ได้ผลดีในบางกรณี

ดังนั้นยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาหายขาดยิ่งสูง และผลข้างเคียงจากการรักษาก็น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทำไมผู้หญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปอดมากขึ้น, สาเหตุมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากอะไร, วิธีป้องกันตัวเองจาก PM 2.5, อาการมะเร็งปอดระยะแรก มีสัญญาณเตือนอย่างไร, มะเร็งปอดในระยะแรกรักษาได้ไหม

ภาพจาก iStock

ส่วนยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) คือยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด ต่างจากยาเคมีบำบัดทั่วไป ยากลุ่มนี้มีความแม่นยำสูง ทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็ง ลดผลข้างเคียงต่ออวัยวะปกติ ยามุ่งเป้าใช้ได้เฉพาะในผู้ป่วยที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ เช่น EGFR, ALK, ROS1 ซึ่งพบได้ราว 40–50% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่สูบบุหรี่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายจะสามารถใช้ยาเหล่านี้ได้ การจะทราบว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีการตรวจทางพยาธิวิทยาและการตรวจยีนที่แม่นยำก่อนเริ่มการรักษา หากตรวจพบยีนเป้าหมาย ยามุ่งเป้าสามารถเป็นตัวเปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง เพราะควบคุมโรคได้นาน และใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติได้มากกว่าการรักษาแบบเดิม

“มะเร็งปอดไม่ใช่โรคของผู้สูงอายุหรือคนสูบบุหรี่อีกต่อไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในยุคที่คุณภาพอากาศมีผลต่อสุขภาพมากขึ้น “การตรวจพบเร็ว รักษาได้เร็ว” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้โอกาสหายขาดสูงขึ้น หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย และอย่าละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เพื่ออนาคตที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน” แพทย์หญิงจอมธนา กล่าว