ฟู้ดครีเอเตอร์ พลังขับเคลื่อนเสน่ห์อาหารไทย ปลุกขุมทรัพย์ชุมชน สู่เศรษฐกิจยั่งยืน
ในยุคที่แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นไม่ว่าจะเป็น TikTok, YouTube Shorts และ Instagram Reels กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ผู้คนมากมายต่างใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการค้นหาแรงบันดาลใจในแง่มุมต่างๆ ที่สนใจและสำหรับ "อาหารไทย" อีกหนึ่งเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ครองใจคนทั่วโลก ก็ได้ถูกถ่ายทอดผ่าน แพลตฟอร์มเหล่านี้จนกลายเป็น "ขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจ" ที่สำคัญ ดึงดูดนักท่องเที่ยว และปลุกเศรษฐกิจชุมชนให้คึกคักตลอดปี
อ้างอิงจากการจัดอันดับให้เป็นอาหารที่ดีที่สุดอันดับที่ 28 ของโลกประจำปี 2567 จาก TasteAtlas ตอกย้ำศักยภาพอันโดดเด่นของอุตสาหกรรมอาหารไทย และบทบาทสำคัญของ “เหล่าครีเอเตอร์” ในการส่งเสริมภาพลักษณ์นี้
ครีเอเตอร์หัวใจสำคัญของอาหารไทย เสนอความหลากหลายสไตล์ที่สร้างสรรค์ไม่ซ้ำ
หัวใจสำคัญที่ทำให้อาหารไทย มีชีวิตชีวาและน่าติดตาม คือเหล่าครีเอเตอร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไอเดีย ไม่ว่าจะเป็นนักรีวิว เชฟ หรือเจ้าของร้านอาหาร พวกเขาต่างถ่ายทอดเสน่ห์และความอร่อยในสไตล์ของตัวเอง เหมือนเพื่อนที่แนะนำอาหารไทยให้ผู้คนทั่วโลก
ด้วยคอนเทนต์ที่มัดใจผู้ชมได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสวยๆ ที่ชวนให้ท้องร้อง, เกร็ดความรู้เรื่องอาหาร, เคล็ดลับการทำอาหาร หรือเรื่องราวน่ารักๆ เบื้องหลังเมนูนั้นๆ ความเป็นกันเองและความจริงใจในการนำเสนอ ได้จุดประกายให้หลายคนอยากออกเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์กินเที่ยวในเมืองไทยด้วยตัวเอง
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา TikTok หนึ่งแพลตฟอร์มมาแรง ที่ไม่ใช่แค่พื้นที่แห่งความบันเทิง แต่ยังเป็นอีกหนึ่งเวทีหลักที่ส่งให้อาหารไทยเฉิดฉายและเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวาง

งานเสวนา หัวข้อ “Food Creator Cooking Up Culture Roundtable” เพื่อร่วมพูดคุยกับ Food Creators, Chef, Sellers, และ TikTok Expert ผู้ประสบความสำเร็จบน TikTok และ TikTok Shop เรียงลำดับจากซ้าย ประกอบด้วย เชฟอิน ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ เจ้าของร้านครัวบ้านอิน, อโนชา ตันประเสริฐ จากเพจอายนอนตีพุง ฟู้ดครีเอเตอร์, สุชารัตน์ นิติสาครินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการแบรนด์ Uncle Boss Sausage ไส้กรอกเยอรมันโฮมเมดพรีเมียม และ ณธน โชติหิรัญรัตน์ TikTok Expert 2025 และกรรมการผู้จัดการแบรนด์ ร้านของคริต โดย ชาคริต แย้มนาม
โดย TikTok ได้จัดงานงานเสวนา หัวข้อ “Food Creator Cooking Up Culture Roundtable” เพื่อร่วมพูดคุยกับ Food Creators, Chef, Sellers, และ TikTok Expert ผู้ประสบความสำเร็จบน TikTok และ TikTok Shop ไม่ว่าจะเป็น เชฟอิน ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ เจ้าของร้านครัวบ้านอิน, อโนชา ตันประเสริฐ จากเพจอายนอนตีพุง ฟู้ดครีเอเตอร์, สุชารัตน์ นิติสาครินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการแบรนด์ Uncle Boss Sausage ไส้กรอกเยอรมันโฮมเมดพรีเมียม และ ณธน โชติหิรัญรัตน์ TikTok Expert 2025 และกรรมการผู้จัดการแบรนด์ ร้านของคริต โดย ชาคริต แย้มนาม ที่ทุกคนจะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และ insights สุด Exclusive ที่จะช่วยจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ สัมผัสรสชาติและเรื่องราวธุรกิจอาหารในโลกดิจิทัลไปด้วยกัน
ไอเดีย - แนวคิดจากครีเอเตอร์ และผู้ประกอบการ ที่ผลักดันอาหารไทยสู่เวทีโลก

เชฟอิน ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ เจ้าของร้านครัวบ้านอิน ได้แชร์แนวคิดการเป็นครีเอเตอร์ให้ฟังอย่างจริงใจว่า “การเป็นครีเอเตอร์สิ่งสำคัญ คือ การสร้างความชัดเจน และเป็นตัวของตัวเองในสิ่งที่คุณทำ เพราะความเป็นตัวเองจะทำให้คนเชื่อมั่น ไม่ว่าจะนำเสนออะไร อย่างผมเองการเลือกคอนเทนต์มาทำการรีวิวควรอยู่บนพื้นฐานความจริงใจ เป็นตัวเอง โดยยังคำนึงถึงผู้ประกอบการ เน้นดึงข้อดี หรือแนะนำในมุมที่สร้างสรรค์มากกว่าการติเตียน
ยิ่งเฉพาะในยุคที่การแข่งขันด้านคอนเทนต์ครีเอเตอร์มีอยู่มากมาย ผมก็ได้เลือกนำเสนออาหารใต้ในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยวิธีแกะสูตร และบอกวิธีทำอย่างจริงใจผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งส่งผลให้ร้านอาหารของผมมีคนรู้จักมากขึ้น ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและชื่นชอบที่จะช่วยรีวิวและบอกต่อ ดังนั้นการรักษามาตรฐานความเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และความจริงใจในทุกขั้นตอนจึงเป็นเรื่องสำคัญมากต่ออาชีพนี้

อโนชา ตันประเสริฐ เพจอายนอนตีพุง ฟู้ดครีเอเตอร์อารมณ์ดี ได้กล่าวถึงเทรนด์ของผู้ชม และครีเอเตอร์สายอาหารในปัจจุบันว่า “คอนเทนต์อาหารที่ได้รับความนิยมตอนนี้คือการนำเสนอแบบเรียลๆ จริงใจไม่ต้องปรุงแต่ง กลายเป็นอีกหนึ่งมุมมอง และเสน่ห์ที่สำคัญ ทำให้คอนเทนต์อาหารไทยของเราไปไกลเกินคาด ซึ่งส่งผลดีต่อครีเอเตอร์ ผู้ประกอบการ ผู้ชม รวมถึงส่งต่ออาหารไทยให้ต่อยอดไปไกลได้มากยิ่งขึ้น”
“สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือคอมมูนิตี้ที่อบอุ่นใจเพจของอายนอนตีพุงที่ปัจจุบันนั้นไม่ใช่แค่ช่องรีวิว แต่เป็นวงเม้าท์มอยที่เล่าเรื่องความอร่อยกันแบบหมดเปลือก ทั้งหมดสร้างคุณค่า ผ่านการแบ่งปันเรื่องราวความอร่อย ไม่ได้ขายของตรงๆ แต่สร้างแรงผลักดันให้คนดูอยากมาสัมผัสประสบการณ์จริง"

สุชารัตน์ นิติสาครินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Uncle Boss Sausage แบรนด์ไส้กรอกเยอรมันโฮมเมดพรีเมียม เล่าถึงธุรกิจของตนเองผ่านวิถีครีเอเตอร์จาก TikTok ที่เข้ามาต่อยอดธุรกิจว่า “การเข้าสู่ TikTok ไม่ถึงปี ทำให้ค้นพบลูกค้ากลุ่มใหม่ในต่างประเทศที่ไม่เคยคาดคิด แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นเปิดโอกาสให้ธุรกิจเล็กๆ ของเราเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ รวมถึงลูกค้าต่างประเทศที่มาเที่ยวเมืองไทย ทำให้ยอดขายเราโตกว่า 50% ภายในปีแรก นักท่องเที่ยวหลายประเทศบอกว่าเจอร้านเราจาก TikTok แล้วมาซื้อเป็นของฝากจากประเทศไทย แน่นอนว่าการใช้แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นในการทำการตลาด ทำให้เรามียอดขายสม่ำเสมอและขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น วันนี้เราเพิ่มพนักงานจาก 5 เป็น 12 คน และจะขยายไปตลาดต่างประเทศภายในปีนี้”

ในส่วนของ ณธน โชติหิรัญรัตน์ กรรมการผู้จัดการแบรนด์ร้านของคริต โดย ชาคริต แย้มนาม และในฐานะ TikTok Expert 2025 เล่าเทคนิคเกี่ยวกับการขายของผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นในปัจจุบันว่า "แก่นแท้ของคอนเทนต์บน TikTok ไม่ใช่การขายของแต่คือ การให้ความรู้ ให้ความสนุก ให้แรงบันดาลใจ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เปลี่ยนคนดูให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดี เพราะ เรากำลังอยู่ในยุคที่คอนเทนต์สร้างคอมเมิร์ซ และคอมมูนิตี้ ลูกค้าบน TikTok ไม่ได้เข้ามาเพื่อช้อป แต่เข้ามาเพราะอยากสนุก อยากรู้ อยากรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ทำให้การซื้อขายจึงเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่อเราสื่อสารด้วยความจริงใจ"
ปัจจุบัน TikTok ได้เล็งเห็นพลังของการรวมตัวกันระหว่างแฮชแท็กและครีเอเตอร์ จึงอยากร่วมส่งเสริมกิจกรรม แฮชแท็ก TikTokพากิน ให้เป็นศูนย์กลางคอนเทนต์ด้านอาหารและการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 2567
โดยแฮชแท็กนี้มียอดเข้าชมสูงถึง 64 พันล้านครั้ง จากวิดีโอมากกว่า 2.4 ล้านวิดีโอ แสดงให้เห็นว่าครีเอเตอร์ไม่เพียงสร้างคอนเทนต์ แต่ยังช่วยขับเคลื่อนวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
รวมถึงแฮชแท็กอาหารไทยยอดนิยมอื่นๆ เช่น ThaiFood (700,000 วิดีโอ) และ อร่อยบอกต่อ (2.5 ล้านวิดีโอ) ล้วนเป็นผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกันอย่างทรงพลังระหว่าง TikTok และความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ ทำให้แฮชแท็กเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศดิจิทัลที่เฟื่องฟู ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง
จากผลสำรวจล่าสุดในปี 2025 โดย Kantar พบว่าผู้ใช้งาน TikTok มีแนวโน้มใช้จ่ายกับค่าอาหารและเครื่องดื่มสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ TikTok ถึง 25% โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานตอนต้น (25-34 ปี) ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่า TikTok เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาหารที่สำคัญ
จากสถิติดังกล่าว ส่งผลให้ TikTok ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งในการสร้างกระแสและขยายการรับรู้โดยมีแฮชแท็ก เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนคอนเทนต์ให้เป็นไวรัล เมื่อผสานกับความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ ในโลกของคอนเทนต์อาหารไทยบน TikTok แฮชแท็กอย่าง ThaiFood และ อร่อยบอกต่อ เป็นกลไกสำคัญในการจัดระเบียบ ค้นหา และสร้างชุมชนคนรักอาหารไทย
สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์อาหารไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือบทบาทของครีเอเตอร์ที่ใช้แฮชแท็กภาษาไทยที่เข้าถึงง่าย และนำเสนอประสบการณ์จริงอย่างสร้างสรรค์ ทำให้แฮชแท็กเหล่านี้กลายเป็นลายแทงความอร่อยที่เชื่อถือได้
นอกจากแฮชแท็ก TikTok ยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับครีเอเตอร์อาหารไทย ไม่ว่าจะเป็น Duet และ Stitch ทำให้เกิดเทรนด์กินตามกัน หนุนร้านอาหารท้องถิ่น ขณะที่ TikTok LIVE เปิดโอกาสให้เชฟได้แสดงฝีมือและถ่ายทอดภูมิปัญญาอาหารไทยสู่ผู้ชมทั่วโลกแบบเรียลไทม์ ด้าน Product Tagging ช่วยเชื่อมโยงวัตถุดิบและสินค้าท้องถิ่นเข้ากับคอนเทนต์โดยตรง สร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อย ส่วน Q&A และ Comment Pinning ส่งเสริมการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้อาหารไทย และที่สำคัญคือ For You Page (FYP) ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยกระจายคอนเทนต์อาหารไทยไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั่วโลกได้
จากที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่าพลังของอาชีพครีเอเตอร์พลิกนั้นได้พลิกโฉม Food Economy สู่การเติบโตยั่งยืน นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวมากมาย นักท่องเที่ยวหลายคนวางแผนการเดินทางโดยมีเป้าหมายหลักคือการมาลิ้มลองอาหารไทยต้นตำรับ ไม่ว่าจะเป็นการตามรอยร้านอาหารที่เห็นในแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น การเข้าร่วมทัวร์ชิมอาหาร หรือการเรียนทำอาหารไทย เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหาร ทั้งหมดจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนท่องเที่ยวไทย
TikTok เชื่อว่าการท่องเที่ยวเชิงอาหารนี้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบ 360 องศา ครอบคลุมตั้งแต่รายได้ของร้านอาหาร โรงแรม การขนส่ง ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้เข้าถึงตลาดโลก และสร้างความประทับใจ นำไปสู่การบอกต่อแบบออร์แกนิก ซึ่งเป็นการโปรโมทที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือที่สุด ตอกย้ำศักยภาพของอาหารไทยในฐานะหนึ่งใน Soft Power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน