‘สตาร์ดรีมครูซ’ ทุ่ม 1.8 พันล้าน ปักหมุดโฮมพอร์ตในไทยหนุนเที่ยวทางเรือ
“สตาร์ดรีมครูซ” ยกระดับการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ ทุ่มกว่า 1.8 พันล้านบาทอัพโฉมเรือสำราญ Star Voyager ประกาศตั้งฐานโฮมพอร์ตในไทย พร้อมเปิดให้บริการทริปแรกเส้นทาง “แหลมฉบัง-เกาะสมุย-สิงคโปร์-แหลมฉบัง” 22-27 เม.ย.นี้ รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงของไทย-ทั่วโลก หนุนประเทศไทยสู่ Cruise Hub ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเรือสำราญของภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชีย เผยปี’67 ไทยต้อนรับเรือสำราญ 162 ลำ สร้างรายได้รวม 1,890 ล้านบาท
นายไมเคิล โก๊ะ ประธานบริษัท สตาร์ดรีมครูซ จำกัด (StarDream Cruises) ผู้บริหารเรือสำราญ Star Voyager เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,870 ล้านบาท ทำการปรับโฉมเรือ Star Voyager เพื่อสร้างประสบการณ์การล่องเรือ และยกระดับการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ รับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
พร้อมสนับสนุนศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการเดินทางโดยเรือสำราญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะยาว
Star Dream Cruise
ผนึก StarDream-Star Cruises
นายไมเคิลกล่าวว่า StarDream Cruises เกิดจากการรวมจุดแข็งของแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Star Cruises และ Dream Cruises ซึ่งมีประวัติการให้บริการเรือสำราญในภูมิภาคเอเชียมานานกว่า 30 ปี ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย ไต้หวัน และฮ่องกง โดย Star Voyager จะเป็นเรือธงของบริษัทในการกลับมาบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มรูปแบบ
เรือสำราญนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมบริการพรีเมี่ยมตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกิจกรรมหลากหลาย เช่น ปีนผา, ซิปไลน์, สปา และการแสดงระดับนานาชาติ รวมถึงการแสดงพิเศษจาก Alcazar Cabaret Show จากพัทยา (ชลบุรี) เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบไทยร่วมสมัยให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ปี’67 ไทยรับเรือสำราญ 162 ลำ
ทั้งนี้ จากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมาประเทศไทยต้อนรับเรือสำราญจำนวน 162 ลำ มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 379,036 คน และลูกเรือ 163,331 คน รวมรายได้จากการท่องเที่ยวทางเรือสูงถึง 1,890 ล้านบาท เติบโตจากปี 2566 ถึง 6.9%
โดยประเทศไทยมีท่าเรือหลักที่รองรับการเทียบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย อ่าวป่าตอง จ.ภูเก็ต, ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, ท่าเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต และท่าเรือศรีราชา จ.ชลบุรี ส่วนนักท่องเที่ยวพบว่าส่วนใหญ่เดินทางจากสิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี
Star Dream Cruise
เดินหน้าขยายเส้นทางใหม่
นางสาวภัคธินันท์ ศรีศรัญศักดิ์ S&M Representative Thailand บริษัท StarDream Cruises กล่าวเสริมกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวมของตลาดเรือสำราญภายใต้แบรนด์ Resorts World Cruises มีทั้งหมด 3 ลำ ได้แก่ 1.Star Voyager หนึ่งในเรือสำราญลำล่าสุด จากสายการเดินเรือ Resorts World Cruises เพิ่งเข้ามาเปิดเส้นทางในประเทศไทยได้เพียง 2 เดือน ภายใต้การบริหารของบริษัท StarDream Cruises และเตรียมเดินหน้าต่อไปยังเส้นทางเวียดนามในเร็ว ๆ นี้
2.เรือ Star Navigator จะเน้นให้บริการเส้นทางหลักในไต้หวันและญี่ปุ่นเป็นหลัก และ 3.Genting Dream เรือสำราญลำใหญ่ที่สุด ซึ่งมีเส้นทางหลักอยู่ที่สิงคโปร์-มาเลเซีย และถือเป็นหนึ่งในเรือที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยมีโฮมพอร์ต (Homeport) ถาวรที่สิงคโปร์และไต้หวัน และให้บริการตลอดทั้งปี แตกต่างจากสายเรืออื่น ๆ ที่จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเท่านั้น
“เราเปิดให้บริการทริปแรกในเส้นทางแหลมฉบัง-เกาะสมุย-สิงคโปร์-แหลมฉบัง ใช้เวลา 6 วัน 5 คืน โดยมีกำหนดเดินทาง 2 รอบ คือในวันที่ 22-27 เมษายน และ 7-12 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเราทำโปรโมชั่นพิเศษในไทยสำหรับเรือ Star Voyager เริ่มต้นที่ 11,900 บาทต่อคน จากราคาปกติ 24,400 บาท พร้อมสิทธิ 1 แถม 1 สำหรับผู้โดยสารที่จองพร้อมกัน” นางสาวภัคธินันท์กล่าว
Star Dream Cruise
เสริมทัพการเดินทางทางอากาศ
ด้านนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเดินทางทางเรือสำราญกำลังกลายเป็นอีก “ท่อใหม่” ที่ช่วยกระจายนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคที่การเดินทางทางอากาศเริ่มแออัด และสนามบินมีข้อจำกัดด้านศักยภาพรองรับ
“นักท่องเที่ยวที่เดินทางทางเรือมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป โดยมีการเข้าพักในโรงแรม การใช้บริการท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม และการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่โดยรอบท่าเรือ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี” นางสาวภัทรอนงค์กล่าว
Star Dream Cruise
ททท.พร้อมหนุนเต็มที่
นางสาวภัทรอนงค์กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเรือ Star Voyager ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น การแสดงฟ้อนรำไทย กลองยาว และการแสดงจาก Alcazar Cabaret รวมถึงกิจกรรมฝีมือแบบไทยแท้ เช่น การทำบุหงารำไป และการระบายลวดลายร่มบ่อสร้าง เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสเสน่ห์ไทยแบบใกล้ชิด ภายใต้แนวคิด “5 Must Do in Thailand”
ประกอบด้วย Must Taste-ชิมอาหารไทยแท้, Must Try-ลองทำกิจกรรมแบบไทย, Must Buy-ซื้อของฝากท้องถิ่น, Must Seek-ค้นหาวัฒนธรรมไทย และ Must See-ชมการแสดงและสถานที่สำคัญ โดยทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ที่มุ่งกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนไทยซ้ำในอนาคต
Star Dream Cruise
อย่างไรก็ตาม จากการเติบโตของตัวเลขนักท่องเที่ยว การลงทุนจากภาคเอกชน และการสนับสนุนจากภาครัฐ ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างยิ่งในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเรือสำราญของเอเชียในอนาคตอันใกล้ โดยมีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อมของท่าเรือ แรงสนับสนุนด้านการตลาด และชื่อเสียงระดับโลกด้านวัฒนธรรม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่