ร่างใหม่ พ.ร.บ.โรงแรม ทุบเชื่อมั่น-เปิดช่องคอนโดฯทำโรงแรม

หลังเดินหน้าผลักดันเต็มที่สำหรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงแรมและสถานที่พักค้างคืน หรือ พ.ร.บ.ที่พักเท่าเทียมของ “พรรคประชาชน” เนื่องจากมองว่าที่พักค้างแรม หรือโรงแรมในประเทศไทยเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่กฎหมายล้าหลัง เก่าแก่ มีอายุถึง 20 ปี สาระสำคัญหลายประเด็นเป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นรายย่อย ซึ่งมีจำนวนราว 1 แสนรายในประเทศไทย

ปรับเกณฑ์ขออนุญาตง่ายขึ้น

พร้อมระบุด้วยว่า รูปแบบการท่องเที่ยวและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้นิยมพักตามโรงแรมขนาดใหญ่เหมือนในอดีต โดยเสนอสาระหลักดังนี้ 1.เปิดทางในการขอใบอนุญาตภายใต้มุมมองทางธุรกิจมากขึ้น เพราะกฎหมายเดิมยึดโยงกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร, พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม, พ.ร.บ.โบราณสถาน, พ.ร.บ.ผังเมือง ฯลฯ 2.กำหนดเงื่อนไขให้น้อยลง คงมาตรฐานความปลอดภัยเท่าที่จำเป็น

3.กำหนดให้เทศบาล อบต. เมืองพัทยา กทม. เป็นผู้ออกกำหนดกฎเกณฑ์และเป็นผู้อนุญาต จากเดิมอำนาจนี้อยู่ที่นายอำเภอ กระทรวงมหาดไทย 4.รายได้จากค่าธรรมเนียมตกเป็นของท้องถิ่น 5.ปรับปรุงค่าปรับจากเดิมกำหนดไว้ตายตัว ทั้งต่อที่พักขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เปลี่ยนเป็นตามขนาดของกิจการ

และ 6.เมื่อยื่นขออนุญาตและถึงเวลาตามที่กำหนด หากเจ้าหน้าที่อนุมัติล่าช้าเกินไป ใบอนุญาตจะได้รับการรับรองโดยอัตโนมัติ และเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในของไทยให้ดีขึ้นในระยะยาว

ปรับเกณฑ์ขออนุญาตง่ายขึ้น, กม.ไม่ล้าสมัยแค่รัฐไม่จริงจัง, ค้าน 4 ประเด็นหลัก, หวั่นต่างชาติซื้อคอนโดฯ ทำโรงแรม, สนับสนุนท้องถิ่นเก็บรายได้

pca_Cover_photo2

กม.ไม่ล้าสมัยแค่รัฐไม่จริงจัง

“เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) บอกว่า สมาคมและสมาชิกทั่วประเทศมีความเห็นตรงกันว่า ร่าง พ.ร.บ.โรงแรมและสถานที่พักค้างคืน พ.ศ… ฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณานั้น มีหลายประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับบริบทอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และไม่ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพการให้บริการในระยะยาว

พร้อมยืนยันว่า พ.ร.บ.โรงแรมปี 2547 ไม่ได้ล้าสมัย ปัญหาคือภาครัฐไม่บังคับใช้จริงจัง ไม่ควรเร่งเปลี่ยนแปลงโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เพราะหากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบความเชื่อมั่น ซึ่งจะกระทบรายได้ท่องเที่ยวทั้งระบบ

ค้าน 4 ประเด็นหลัก

โดยเฉพาะ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ขยายขอบเขตสถานที่พักค้างคืนจากเดิมตามกฎกระทรวงปี 2566 จำกัดไว้ที่ 8 ห้อง/30 คน เป็น 29 ห้อง/58 คน เรื่องนี้สมาคมมองว่าเป็นการลดมาตรฐานความปลอดภัย 2.อนุญาตให้คอนโดฯ หรือบ้านจัดสรรสามารถจดทะเบียนเฉพาะ “ห้องพัก” ได้แบบไม่ต้องจดทั้งอาคาร ซึ่งกระทบสิทธิผู้อยู่อาศัยอื่น และไม่สามารถควบคุมคุณภาพหรือความปลอดภัยของตัวอาคารโดยรวม

3.การกำหนดให้ธุรกิจที่มีไม่เกิน 8 ห้องหลุดจากนิยามโรงแรม ทำให้ผู้ประกอบการบางรายเลี่ยงระบบ ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีมาตรฐาน แต่แข่งขันกับโรงแรมในระบบอย่างไม่เป็นธรรม และ 4.เสนอให้คงอำนาจนายทะเบียนโรงแรมไว้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และสถานที่พักค้างคืนให้นายอำเภอเป็นผู้อนุญาต เพื่อรักษาความเป็นกลางและมาตรฐานการกลั่นกรองที่รอบด้าน

ปรับเกณฑ์ขออนุญาตง่ายขึ้น, กม.ไม่ล้าสมัยแค่รัฐไม่จริงจัง, ค้าน 4 ประเด็นหลัก, หวั่นต่างชาติซื้อคอนโดฯ ทำโรงแรม, สนับสนุนท้องถิ่นเก็บรายได้

pca_Cover_photo2

หวั่นต่างชาติซื้อคอนโดฯ ทำโรงแรม

“เทียนประสิทธิ์” บอกด้วยว่า ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคือ การเปิดช่องให้ใช้บ้านจัดสรรหรือห้องชุดเปิดเป็นที่พักค้างคืนได้ เนื่องจากมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ที่ไม่ทราบว่าในอนาคตพื้นที่บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปใช้เป็นธุรกิจที่พัก

“นี่คือช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติแฝงตัวเข้ามาทำธุรกิจโรงแรมในไทยแบบไม่ต้องผ่านเกณฑ์ควบคุมใด ๆ คนไทยกลายเป็นเจ้าบ้านที่เสียประโยชน์ ถูกเบียดข้างกำแพง ขณะที่เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศ ไม่มีการจ่ายภาษี ไม่มีการควบคุม และไม่มีการรับผิดชอบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น”

ปรับเกณฑ์ขออนุญาตง่ายขึ้น, กม.ไม่ล้าสมัยแค่รัฐไม่จริงจัง, ค้าน 4 ประเด็นหลัก, หวั่นต่างชาติซื้อคอนโดฯ ทำโรงแรม, สนับสนุนท้องถิ่นเก็บรายได้

pca_Cover_photo2

สนับสนุนท้องถิ่นเก็บรายได้

อย่างไรก็ตาม สมาคมก็ไม่ได้ปิดประตูรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ทั้งหมด ยังมีข้อเสนอที่เห็นด้วยในบางประเด็นเช่นกัน เช่น ให้ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตกเป็นของท้องถิ่น ไม่ต้องส่งคลัง เพื่อใช้พัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่ อีกทั้งยังกำหนดเพดานค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระผู้ประกอบการรายเล็ก

พร้อมย้ำว่าสมาคมสนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ไม่เห็นด้วยกับการผ่อนเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เกิดที่พักใหม่แบบไร้ระเบียบ จนกระทบทั้งผู้ประกอบการในระบบและนักท่องเที่ยว

และมองว่าไม่ต้องเร่งออกกฎหมายเพียงเพราะต้องการให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบเร็วขึ้น แต่ควรสร้างระบบที่ทุกฝ่ายมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย คุณภาพ ไม่เช่นนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ควรจะเป็นเครื่องยนต์ฟื้นเศรษฐกิจไทยจะกลายเป็นจุดอ่อนและเกิดเป็นปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่